ศ. นพ.ขวัญชัย  ศุภรัตน์ภิญโญ รองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ และนักวิจัยในโครงการวิจัยสตาร์ท (Strategic Timing of AntiRetroviral Treatment : START) เปิดเผยผลสรุปของโครงการวิจัยดังกล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการดำเนินการวิจัยในหลายทวีปทั่วโลก ได้แก่ อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป อัฟริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย ซึ่งรวมประเทศไทยด้วย โดยมีอาสาสมัครผู้ติดเชื้อ HIV เข้าร่วมโครงการจำนวน 4,688 ราย พบว่าเมื่อเริ่มให้ยาต้านไวรัสกับอาสาสมัครที่มีระดับ CD4 มากกว่า 500 เซลล์ต่อเลือด 1 ลบ.มม.จะให้ผลการรักษาดีกว่าอาสาสมัครที่ได้รับยาต้านไวรัสตอนที่มีระดับ CD4 ต่ำกว่า 500 โดยมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ HIV น้อยกว่าอย่างชัดเจน

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยโรคเอดส์จะได้รับการรักษาหรือรับประทานยาต้านไวรัสเมื่อมีระดับ CD4 ลดลงต่ำกว่า 500 แม้จะมีแนวคิดทดลองให้ยาต้านไวรัสเร็วกว่านั้น แต่ก็ยังไม่มีการศึกษาวิจัยอย่างจริงจังว่าจะมีผลกระทบจากการให้ยาต้านก่อนหรือไม่ ดังนั้นผลงานวิจัยชิ้นนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันแนวคิดที่ว่า เมื่อตรวจพบว่าติดเชื้อ HIV ก็ควรต้องได้รับการรักษาทันทีโดยการทานยาต้านไวรัส เนื่องจากจะช่วยให้มีชีวิตที่ยืนยาว และใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเป็นปกติ ตลอดจนคลายข้อสงสัยเรื่องการรับประทานยาต้านไวรัสเร็วอาจเกิดผลข้างเคียงกับร่างกาย ซึ่งการวิจัยนี้ก็ได้ให้คำตอบแล้วว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ขณะที่นโยบายด้านการรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ของประเทศไทยเอง ก็ระบุให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้ทันทีเมื่อมีการตรวจพบว่าติดเชื้อ HIV จึงถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้เหมือนคนทั่วไปในสังคม

………………………………………………………………

หน่วยประชาสัมพันธ์ และบริการวิชาการ
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่