โครงการวิจัย.

iodized-salt

ชื่อโครงการวิจัย     ค่าไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ในแต่ละช่วงอายุครรภ์
คณะผู้วิจัย

หัวหน้าโครงการ
พญ. ชลรส  เจริญรัตน์
ผู้ร่วมวิจัย
พญ.กุณฑรี  ไตรศรีศิลป์
ศ. นพ. ธีระ  ทองสง
นางโพธิ์ศรี  ลีลาภัทร์

แหล่งทุน        คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ระยะเวลาที่ทำการวิจัย    กรกฎาคม 2556 ถึง เมษายน 2558

ความสำคัญและที่มาของปัญหาการวิจัย
แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุข ได้มีนโยบายเพื่อควบคุมและป้องกันโรคขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ โดยให้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนได้รับ “ยาเม็ดเสริมสารอาหารสำคัญ” ประกอบด้วยไอโอดีน เหล็ก และโฟเลท เริ่มตั้งแต่  1 ตุลาคม ปี 2553 โดยองค์การเภสัชกรรมผลิตยาเสริมไอโอดีน 2 ตำรับ คือ
1. Triferdine150 ประกอบด้วยไอโอดีน 150 µg ธาตุเหล็ก 60.81 mg ในรูปของ ferrous fumarate 185 mg และ โฟเลท 400 µg ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ทั่วไป
2. Iodine GPO150 ประกอบด้วยไอโอดีน 150 µg ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการของโรคธาลัสซีเมีย

แต่จากการสำรวจของสำนักโภชนาการ กรมอนามัย โดยตรวจวัดระดับค่า median urinary iodine concentration ในหญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ครั้งแรกที่โรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ในปี 2553-2555 พบว่ามีค่าเท่ากับ 292.3 µg/l , 171.9 µg/l และ 120.8 µg/l ตามลำดับ แสดงว่า มีภาวะการบริโภคไอโอดีนในผู้หญิงตั้งครรภ์ในจังหวัดเชียงใหม่ไม่เพียงพอ นอกจากนี้ จังหวัดเชียงใหม่ในแต่ละพื้นที่เองยังมีความหลากหลายของประชากรทั้งในด้านการบริโภคอาหาร สังคม ระดับการศึกษา และความเชื่อ อีกทั้งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ยังไม่ได้ให้ยาเม็ดเสริมไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ทุกราย ดังนั้นผู้วิจัยจึงต้องการศึกษาค่าไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งบ่งบอกถึงการบริโภคไอโอดีนในสตรีตั้งครรภ์ว่าเพียงพอหรือไม่ ในแต่ละช่วงของการตั้งครรภ์

Post 7322 Views